ค่า Watt Demand แบบ Fixed กับ Float ต่างกันอย่างไร?

ค่า Watt Demand แบบ Fixed กับ Float ต่างกันอย่างไร?

25 July 2016



เขียนโดย : ปัญญา พละกลาง


Product Manager CARLOGAVAZZI




สวัสดีทุกท่านครับ หลายท่านอาจเคยได้ยินคำว่า Watt Demand กันอยู่แล้วและยิ่งหากเราต้องการประหยัดพลังงานโดยใช้เครื่องมือเก็บค่า Watt Demand ยกตัวอย่าง Energy meter ของ Carlo Gavazzi รุ่น WM3-96 ซึ่งผู้ใช้งานสามารถโปรแกรมเพื่อเลือกให้ ตัวเครื่อง Energy เก็บค่าปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ

การเก็บค่าแบบ Fixed
1. การเก็บค่าแบบ Float
ก็อาจทำให้เรายิ่งงง ว่าการเก็บค่า 2 แบบนี้ต่างกันอย่างไร?
วันนี้จึงมาแชร์ให้ฟัง ครับ แต่ก่อนที่เราจะรู้จัก 2 Fucntion นี้ มารู้จักความหมายของคำว่า Watt Demand หรือที่เรียกกันว่า “Wdemand” กันเสียก่อนนะครับ “ Wdemand หมายถึง ความต้องการของการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุด ” ซึ่งเป็นตัวคูณค่าหนึ่งที่การไฟฟ้าจะคิดค่าไฟฟ้าของเราในรอบบิลนั้นๆ ครับ มาดูวิธีการเก็บค่า Wdemand ของตัว Energy meter ทั้ง 2 แบบ กันดีกว่านะครับ
วิธีที่ 1 : การเก็บค่า Wdemand แบบ Fixed
โดยการทำงานแบบ Fixed นี้ เมื่อเราจะตั้งค่าให้ตัวเครื่องทำงานเก็บค่า ณ เวลาที่กำหนด เพื่อนำมาคิดเป็นค่าเฉลี่ยของความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูง สุดที่ตัวมิเตอร์จะเก็บ เช่น เราตั้งค่าตัวเลขที่จะเก็บไว้ที่เลข 15 นาที เมื่อครบตามเวลาที่ตั้งไว้ เครื่องก็จะเก็บค่าโดยเฉลี่ยค่าที่ได้นั้นเป็นค่าสูงสุดใน 15 นาทีนั้น เป็น Pmax ไว้ที่ตัวมิเตอร์เอง และจะมีการคำนวณค่าใหม่ทุกๆ 15 นาที ไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีการ Reset ถ้าค่าที่ 15 นาที ถัดไปต่ำกว่าค่าที่เก็บไว้เดิม เครื่องจะไม่เก็บ จะเก็บค่าใหม่เฉพาะค่าที่สูงกว่าเท่านั้น พอถึงสิ้นเดือนมาจะได้แต่ค่า Wdemand ที่ สูงสุดจริงๆ ตามรูปด้านล่างครับ


รูปที่ 1 : แสดงการเก็บค่า Demand แบบ Fixed




วิธีที่ 2 : การเก็บค่า Wdemand แบบ Float

โดยการทำงานแบบ Float นี้จะ ต่างกันเล็กน้อยครับ เมื่อเราจะตั้งค่าให้ตัวเครื่องทำงานเก็บค่า ณ เวลาที่กำหนด เพื่อนำมาคิดเป็นค่าเฉลี่ยของความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูง สุดที่ตัวมิเตอร์จะเก็บ เช่น เราตั้งค่าตัวเลขที่จะเก็บไว้ที่เลข 15 นาที เมื่อครบตามเวลาที่ตั้งไว้ เครื่องก็จะเก็บค่าโดยเฉลี่ยค่าที่ได้นั้นเป็นค่าสูงสุดใน1-15 นาที แรกเท่านั้น เป็น Pmax ไว้ที่ตัวมิเตอร์เอง ถัดจากนั้นจะคิดแบบเพิ่มทุกๆ 1 นาที คือมีการ moving ค่าทุกๆ นาทีนั้นเอง ดูรายละเอียดตามรูปด้านล่างนะครับ


รูปที่ 2 : แสดง การเก็บค่าDemand แบบ Float


ถามว่าการตั้งค่าแบบ ไหนจึงจะเหมาะสมกับการคิดค่าไฟฟ้าของบ้านเรา คำตอบก็คือ ควรมีการตั้งค่าให้เป็นแบบ Fixed ครับ







Subscribe

กรอกอีเมลเพื่อรับข่าวสาร โปรโมชั่น และกิจกรรมต่างๆ ของเราได้ที่นี่

fb twitter youtube youtube shopee lazada tiktok blockdit

Signin

Register

Forgot password

Products to Compare

0